ระยะหลังๆ มานี้ผมค้อนข้างมีโอกาสได้ทดลองขับรถอเนกประสงค์ประเภทครอสโอเวอร์ ( ทรง 5 ประตูยกสูงกว่ารถเก๋ง ขับเคลื่อนเฉพาะ 2 ล้อหน้า ) เยอะและบ่อยขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามกระแสโลกที่นำมาสู่ความนิยมชมชอบในตลาดรถยนต์เมืองไทย ทว่าครั้งนี้เสมือนเป็นการพบปะกับรถอเนกประสงค์ที่มีความคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรกย้อนไปมากกว่า 2 ทศวรรษ สมัยยังเป็นนักข่าวดาวรุ่งพุ่งแรง ถึงตอนนี้ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย เปิดตัวเอสยูวีไอคอนของฮอนด้า “ซีอาร์-วี โฉมปรับปรุงใหม่” ในบ้านเราแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียด้วยดีไซน์ภายนอกที่ย้ำชัดถึงความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
โดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี โฉมปรับปรุงใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่นท๊อปสุดกับเครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD แบบ 7 ที่นั่ง เวอร์ชั่นรองลงมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ล้วนๆ คือรุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่งรุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง และรุ่นเริ่มต้น 2.4 S แบบ 5 ที่นั่ง ด้วยราคา 1,369,000 - 1,759,000 บาท แนะนำตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 41 ตั้งแต่ 13 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา และคราวนี้รุ่นที่เราลองของคือชายกลางของตระกูล รุ่น 2.4 ES 4WD แบบ 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาทสีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 12,000 บาท และหากใครชอบมากกับความมืดสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 8,000 บาท
ฮอนด้า ซีอาร์-วี รถอเนกประสงค์ SUV : Sport Utility Vehicle ขนาดกลางขนานแท้ ที่สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัวในเมืองใหญ่หรือแม้จะเป็นตอกซอกซอยจนน่าประหลาดใจ ต้องเผชิญกับผู้ท้าชิงมากหน้าหลายตาที่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างไม่ขาดสาย ทั้งคู่ปรับตรงๆ ตัวอย่าง มาสด้า CX-5 โตโยต้า โคโรลล่า ครอส รวมถึงเหล่า PPV ที่อัพตัวเองขึ้นมาท้าชนอย่างไม่เกรงใจ
คุณลักษณะภายนอกที่ได้รับการเติมเต็มของฮอนด้า ซีอาร์-วี มีมากมายหลายประการตั้งแต่หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch ไฟเลี้ยวด้านหน้าเป็นแนวเส้นแบบ LED Sequential เสริมความมั่นใจในการเดินทางด้วย เทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ( Honda SENSING) และ นวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสาร ฮอนด้า คอนเนค ( Honda CONNECT) ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ1.6 ลิตร i-DTEC และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC มาพร้อม สีใหม่น้ำเงินคอสมิก เฉพาะรุ่น DT-EL 4WD, 2.4 EL 4WD และ 2.4 ES 4WD
รุ่น 2.4 ES 4WD ที่เราได้ลองขับ ด้านหน้าเสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้าย FULL LED รมดำ ไฟหน้าแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light - DRL) และไฟตัดหมอกหน้าแนวนอนแบบ 5 LED ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ไซด์ 18x 7.5 นิ้วกับยางไฮเวย์เทอร์เรนขนาด 235/60R18 พร้อมล้อและยางอะไหล่ที่จัดเต็มเป็นเซ็ทเดียวกันเลย
แม้จะเสียดายที่เทคโนโลยีที่เสริมสร้างความมั่นใจในทุกการเดินทางฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ( Honda SENSING) จะมีเฉพาะรุ่น DT-EL 4WD ซึ่งประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) - ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) - ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) - ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) - ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) รวมถึงนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถฮอนด้าคอนเนค (Honda CONNECT) เป็นต้น
ทว่ารุ่นรองๆ ลงมาที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินก็ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดว่าล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) (มีให้ทุกรุ่น) คอยตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย และระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist)
ดีไซน์ภายในกว้างขวางสะท้อนความหรูหรา ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม ประตูห้องโดยสารคู่หลังเปิดได้กว้างมากๆทำให้การก้าวขึ้นลงเข้าออก ห้องโดยสารทำได้สะดวก และยังมาพร้อมแผงแดชบอร์ดตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุ Piano Black ครบครันด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมท (Auto Foldable Side Door Mirror) ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) (ทุกรุ่น) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 (ในรุ่น 7 ที่นั่ง) พร้อมด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อ อาทิระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น 4WD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายควบคุมสั่งงานผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ที่สำคัญครั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี Hands-free Power Tailgate (ทุกรุ่น) สะดวกสบายด้วยการควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมทและปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ ลองแล้วก็ใช้งานง่ายและสะดวกจริงๆ และช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้สะดวกด้วยกลไกปรับพับเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถจัดสรรช่องไว้สิ่งของเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้หลายแบบเลือกใส่สิ่งของขนาดใหญ่เล็กได้อย่างเหมาะเจาะ
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลัง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมให้การตอบสนองทันใจรู้สึกถึงพลังที่ควบคุมได้ผ่านแป้นคันเร่งให้อัตราเร่งแบบไม่ธรรมดา มาแรง มาเร็ว มาหนักแต่ให้อารมณ์ที่นุ่มนวล รองรับพลังงานทางเลือกทั้ง E20 และ E85
รุ่นที่เราขับมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD แบบ Real Time พร้อม E-DPS ที่มีการพัฒนาให้ทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ให้การส่งกำลังกระจายไปสู่ล้อหน้าหลังซ้ายขวาอย่างเหมาะสมตามสภาพเส้นทาง ทั้งยังตรวจสอบการถ่ายทอดกำลังเป็นเรียวไทม์ผ่านหน้าจอ TFT ได้อีกด้วย ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างมั่นใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปนอนชมเดือนชมดาวบนดอยสูงที่ปราศจากความวุ่นวาย เรียกว่าลุยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ช่วงล่างของฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าเป็นแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบแขนยึดหลายจุดหรือมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลัง ให้การตอบสนองอย่างนุ่มมวลประกอบกับพวงมาลัยที่น้ำหนักและอัตราทดพอดิบพอดีให้การควบคุมคล่องตัว อาจจะพบอาการอุ้ยอ้ายบ้างในจังหวะขึ้นลงคอสะพานที่ตัดและชันในความเร็วต่ำ นอกนั้นผ่านฉลุยเลย
หลังการขับขี่อย่างต่อเนื่องทั้งในและนอกเมือง ยังคงประทับใจกับสมรรถนะของชุดขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง การบังคับควบคุม ฮอนด้า ซีอาร์-วี ทำได้กลมกล่อมสมกับที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และยังพยายามเพิ่มเติมฟิวเจอร์ออฟชั่นต่างๆ เพื่อการใช้งานที่ทันยุคทันสมัย เพื่อยืนหนึ่งในฐานะรถอเนกประสงค์ที่เหมาะกับพ่อบ้านแม่บ้านที่มีไลฟ์สไตล์คล่องแคล่วในชีวิตประจำวันและเดินทางทำกิจกรรมกับครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขตลอดช่วงอายุของซีอาร์-วี โมเดลนี้.
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยังมีชุดแต่งเพิ่มดีกรีความน่าสนใจขึ้นอีกขั้นด้วย ชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) เสริมด้วย หลากหลายไอเท็มพิเศษ โดย มีให้เลือก 2 แพ็กเกจ ได้แก่ Sport Package ราคา 36,000 บาท Smart Package ราคา 30,500 บาท พร้อมแนะนำ ไอเท็มพิเศษใหม่ ได้แก่ คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า (แบบ 2 ชิ้น) ราคา 2,500 บาทปลอกท่อไอเสียสเตนเลส ราคา 1,750 บาท และชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตูโครเมียม (1 ชุด มี 4 ชิ้น) ราคา 1,200 บาทอีกทั้ง ไอเท็มชุดแต่งอื่นๆ ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายรองรับทุกการใช้งาน อาทิ แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ กระบะใส่ของท้ายรถ แผ่นกั้นห้องสัมภาระ คิ้วบันไดสเตนเลสพร้อมไฟ LED ผู้ที่สนใจชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) หรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hondaaccess.co.th