REVIEW TOYOTA FORTUNER LEGENDER

TOYOTA FORTUNER รถยนต์อเนกประสงค์ (พีพีวี) ยึดตำแหน่งยอดขายสูงสุดในประเทศไทยมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง นับตั้งแต่เจเนเรชั่นแรก มาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 2 และล่าสุดในปีนี้ได้มีการต่อยอดกระแสความนิยม ด้วยการเปิดตัวรุ่นปรับปรุงโฉมครั้งสำคัญ โดยเน้นการยกระดับรูปลักษณ์ให้มีความสง่างาม โฉบเฉียว ทันสมัย พร้อมอัพเกรดสมรรถนะทั้งความแรง ความกระชับกระเฉง เพื่อการขับขี่ที่คล่องแคล่ว พร้อมความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หลังผ่านการยกกระฉับครั้งล่าสุด โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จัดวางการทำตลาดสำหรับ FORTUNER ไว้อย่างชัดเจน ด้วย 2 ทางเลือก 2 สไตล์การออกแบบที่แตกต่างนั้นคือ TOYOTA FORTUNER รุ่นมาตรฐาน และถ้าต้องการความเฟี๊ยวฟ๊าวเร้าใจขึ้นไปอีกก็ต้อง TOYOTA FORTUNER LEGENDER รุ่นพิเศษใหม่



TOYOTA FORTUNER ปรับปรุงโฉมใหม่ วางเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างยิ่งขึ้น รวมถึงเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตลอดถึงกลุ่มวัยกลางคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว และขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยดีไซน์สปอร์ต และฟิวเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มที่กำลังมองหาพาหนะที่สะท้อนตัวตนและสะท้อนความเป็นผู้นำ มีองค์ประกอบที่โดดเด่น พร้อมลุยไปได้ทุกที่ และสำคัญที่สุดคือ ความคุ้มค่าด้านการใช้งานในระยะยาว ความทนทาน ดูแลรักษาง่าย และมีราคาขายต่อที่เหมาะสมแม้จะผ่านวันเวลาเนิ่นนาน



TOYOTA FORTUNER LEGENDER รุ่น 2.8 เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวท๊อปสุดนำเสนอด้วยราคา 1,839,000 บาท ที่เรามีโอกาสทดลองขับ โดยรวมจะเน้นการยกระดับรูปลักษณ์ และความหรูหราทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารจนแทบไม่หลงเหลือกลิ่นไอของรถกระบะที่ใช้พื้นฐานร่วมกันอย่าง HILUX REVO สัมผัสที่เด่นชัดถึงความเป็นรถอเนกประสงค์ที่แท้ทรู นั้นหมายรวมถึงการเป็นผู้โดยสารซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกับรถเอสยูวีระดับหรู ขณะเดียวกันผู้ขับยังรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง บึกบึน หนักแน่นมากกว่าเมื่อใช้งานจริง



ด้านความอเนกประสงค์ที่เป็นจุดขายของรถประเภทนี้ ก็สามารถตอบโจทย์นักเดินทางได้อย่างเพียงพอ ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยเสริมความสะดวกสบายในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์เบาะนั่งสามารถพับ และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งาน เพื่อความสบายทั้งผู้โดยสาร และการบรรจุสัมภาระได้อย่างลงตัว ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ขับ ก็มีทั้งพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นมาพร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และ Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย บริเวณแผงหน้าปัดติดตั้งจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID (Multi-Information Display) เป็นหน้าจอสีแบบ TFT สามารถปรับตั้งค่าการทำงานของระบบต่างๆได้ครบถ้วน พร้อมแสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ข้อมูลการขับขี่ทั้งระยะทาง อัตราสิ้นเปลือง ข้อมูลการขับขี่แบบ ECO และในรุ่นนี้ยังเพิ่มฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลใหม่ๆทั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และกราฟฟิกแสดงตำแหน่งองศาของล้อช่วยให้ผู้ขับไม่หลงพวงมาลัยเวลาเลี้ยวในพื้นที่จำกัด



โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ Wisdom of a Leader
นับตั้งแต่มีการเปิดตัวในเจเนเรชั่นที่ 2 ครั้งนี้ถือเป็นการปรับโฉมอย่างเป็นทางการในรอบ 5 ปี โดยโตโยต้าได้ออกแบบและพัฒนารูปลักษณ์ให้มีความ “Prestige & Cool” มากยิ่งขึ้น โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ รุ่นพิเศษ “Legender” มีเส้นสายที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มความโฉบเฉี่ยว ด้วยสัดส่วนกระจังหน้าที่แตกต่าง เพิ่มความทันสมัยด้วย ไฟหน้า DayTime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกับไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential ไฟสูงและไฟต่ำแบบ LED พร้อมปรับดีไซน์กันชนหลังใหม่ให้สอดรับกับดีไซน์ด้านหน้าอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนลายล้ออัลลอย 20 นิ้วเป็นดีไซน์ใหม่สีทูโทนพร้อมยางขนาด 265 /50R 20 ที่มาพร้อมกับหลังคาทูโทน ให้ความโดดเด่น สมกับการเป็น Flagship Model สะท้อนภาพลักษณ์ Sport Premium PPV



ความสะดวกสบาย (Comfort) ผ่านหน้าจอสัมผัสที่รองรับ Apple CarPlay เชื่อมต่อทุกความบันเทิง พร้อมกล้องมองภาพรอบคันแบบ 3 มิติ เพิ่มทัศนวิสัย และให้ความปลอดภัย พร้อมสัญญาณเตือนกะระยะ หรือ Park Sensor ช่วยให้การจอดเป็นเรื่องง่าย และยังมีระบบ Activated Kick Door เปิดและปิดประตูหลังได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวรถ และไม่ลืมติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย เพื่อตอบสนองการใช้งานในปัจจุบัน พร้อมระบบ T-Connect ที่เชื่อมต่อระหว่างรถและผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวสามารถเช็กตำแหน่งรถตามเวลาจริง (Real Time) ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมถึงระบบป้องกันการโจรกรรม (Theft Track) และระบบประสานความช่วยเหลือ SOS ของโตโยต้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีบริการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเข้าศูนย์บริการ Telematic Care ช่วยให้การดูแลรถยนต์ของลูกค้าเป็นเรื่องง่าย และแม่นยำมากยิ่งขึ้น



สมรรถนะการขับขี่ (Performance) เครื่องยนต์ดีเซลในรุ่น 2.8 ลิตร GD Super Power เพิ่มสมรรถนะการขับขี่แรงขึ้นกว่าเดิม 15% ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (Nm) ในช่วงความเร็วรอบตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที พร้อมเทอร์โบแปรผัน ควบคุมการเปิด-ปิดครีบปรับแรงดันอากาศด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังแรงต่อเนื่องทุกช่วงความเร็วตอบรับทุกการขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถนะ และประหยัดน้ำมันมากขึ้น เพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ช่วยลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสาร เพิ่มความเงียบและความนุ่มนวลในการขับขี่



สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบ Off-Road: ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อในความเร็วต่ำ 4L เครื่องยนต์จะปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง ราบรื่น พร้อมโหมดแสดงข้อมูลและตำแหน่งองศาของล้อบนหน้าจอ MID และสัญญาณเตือนกะระยะมุมกันชนหน้า-หลัง เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบด้านขณะขับขี่


ระบบบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ช่วยให้การควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามความเร็วทำให้ขับได้อย่างเฉียบคมมั่นใจยิ่งขื้น พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยเพิ่มเร้าในการขับขี่ ทั้งยังมี Sport Mode เพื่อช่วยให้การขับขี่สนุกสนานมากยิ่งขึ้นด้วยการปรับการทำงานของคันเร่งให้ตอบสนองเร็วยิ่งขึ้นและปรับการทำงานของพวงมาลัยให้มีน้ำหนักมากขึ้น เหมาะสำหรับการเร่งแซงและการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง

ครั้งแรกกับการติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มาในรถอเนกประสงค์ PPV อย่างเพียบพร้อม อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Cruise Control) และ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) ที่ใช้งานได้สะดวกแม่นยำ



ดีไซน์ภายในประณีตมีสเน่ห์ทุกสัมผัส มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้วแสดงรายละเอียดข้อมูลชัดเจน กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัตสบายตาปลอดภัยมากขึ้นยามค่ำคืน พร้อมๆกับไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารมอบความสุนทรียะทุกเส้นทาง เบาะนั่งคนขับและเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รับกับระบบปรับพับเบาะแถว 2 แบบ One Touch Folding Seats เพื่อการเข้าออกที่นั่งแถว 3 ได้สะดวกขึ้น เบาะหนังสีทูโทน ทั้ง 7 ที่นั่งผสานความสปอร์ตและความพรีเมียมเป็นหนึ่งเดียว ส่วนกลางแผงแดชบอร์ดโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple Car play กระจายเสียงผ่าน JBL ถึง 11 ลำโพง คมชัดทุกระดับเสียงตั้งแต่ทวีตเตอร์ถึงซับวูปเฟอร์ พร้อมช่องต่อ USB บริเวณคอนโซกลาง 2 ตำแหน่งเพื่อความสะดวกสบายในการชาร์จไฟให้กับผู้โดยสาร



ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Sigma 4 System ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอบรับกับทุกสถานการณ์การขับขี่
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ H2 สำหรับสภาพถนนปกติ ช่วยให้ขับขี่นุ่มนวล และประหยัดน้ำมัน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ H4 สำหรับสภาพถนนเปียกลื่น และทางลูกรังเพิ่มสมรรณะในการขับขี่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ L4 สำหรับเส้นทางที่ต้องใช้กำลังการขับเคลื่อนสูง
เทคโนโลยีความปลอดภัย อุ่นใจทุกการเดินทาง
Active Safety ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) ระบบการควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย (TSC) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
Passive Safety ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โครงสร้างนิรภัย GOA ช่วยดูดซับและกระจายแรงกระแทก เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่ห้องโดยสาร พวงมาลัยแบบยุบตัวได้เพื่อป้องกันแรงกระแทกด้านหน้า ELR Seatbelt 3 จุด 7 ที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติสำหรับเบาะคู่หน้าช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ



สมรรถนะการขับขี่ของ TOYOTA FORTUNER LEGENDER รุ่นท็อป ซึ่งมีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการปรับชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ไม่เกี่ยวกับกล่องควบคุม โดยเคลือบ Diamond-Like ที่แหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทานทำให้ได้ความประหยัดมากขึ้น และมีการปรับเปลี่ยนเทอร์โบใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วเพิ่มตลับลูกปืน (Ball bearing) ในแกนเทอร์โบแทนที่บูชแบบเก่าเพื่อลดแรงเสียดทาน และใช้หัวฉีดน้ำมันอัจฉริยะ i-Art เพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันในแต่ละหัวฉีด โดยจะฉีดให้เหมาะสมกับการทำงานเครื่องยนต์ในแต่ละช่วงความเร็ว ทำให้ได้ความประหยัดเพิ่มขึ้นด้วย



จากการทดลองขับใช้งานจริงทัังในเมืองหลวงและต่างจังหวัด ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราเร่งดีขึ้นตั้งแต่ช่วงออกตัว ยาวต่อเนื่องไปจนถึง 160 กม./ชม ( ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย ) อย่างไม่ยากเย็น ขณะเดียวกันการส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำได้นุ่มนวลราบเรียบรับกับความแรงได้ทุกจังหวะความเร็ว การเร่งแซงก็ทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน พุ่งทยานได้ทันใจ การขับขี่เดินทางด้วยความเร็ว 90-120 กม./ชม ใช้รอบเครื่องไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแปรผันตามความเร็วอยู่ที่ประมาณ 14-15 กม./ลิตร และถ้าขับขี่ในเมืองช่วงความเร็วต่ำอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ประมาณ 10-12 กม./ลิตร ถือว่าค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับขนาดและน้ำหนักของตัวรถ




ระหว่างการทดลองขับเรายังมีโอกาสได้พักชิมริมทาง ณ ลิลลี่ การ์เด้น @ลำพญาบางเลน นครปฐม ร้านอาหารเปิดใหม่ที่มีเมนูอาหารฟิวชั่นประกอบกับบรรยากาศสบายๆริมบึงบัว ด้านหลังเป็นเรือนเพาะชำดอกลิลลี่ ช่วยให้ได้ผ่อนคลายก่อนที่จะกลังมาลองของกันต่อ การขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันการควบคุมรถก็ถือว่าทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงความเร็วตั้งแต่ 40 กม./ชม ขึ้นไป น้ำหนักของพวงมาลัยจะเบาแรง เลี้ยวง่ายกว่ารุ่นเดิมคงต้องยกความดีความชอบให้กับการจูนระบบบังคับเลี้ยวใหม่แบบ VFC (Variable Flow Control) พวงมาลัยสามารถแปรผันน้ำหนักให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว ช่วงความเร็วต่ำแม้ว่าจะเลี้ยวง่ายขึ้น แต่ไม่ถึงกับเบาเกินไป ยังรู้สึกถึงความหนักแน่น ทว่าก็ไม่เหมือนกับรถที่ใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่เบาสบายกว่า สำหรับฟอร์จูนเนอร์ในช่วงความเร็วสูงก็จะรู้สึกหนักแน่นขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการควบคุมโดยรวมจะช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ทั้งในการขับทางไกลได้มากทีเดียว


ส่วนช่วงล่างแม้พื้นฐานจะเหมือนเดิมคือด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์หรือแขนยึดหลายจุด คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง เน้นการเซ็ทค่าใหม่ทั้งยังให้อารมณ์จิ๊ดจ๊าดด้วยคอยล์สปริงสีแดงสดช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ให้นุ่มสบาย กระด้างน้อยลง พร้อมการยึดเกาะถนนได้ดีกว่ารุ่นเดิม

สำหรับขาลุยก็สบายใจได้ ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซิกม่าโฟร์ ของโตโยต้า ตามสไตล์ออฟโรดขนานแท้ สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้งโหมด H2 , H4 และ L4 ผสมผสานการทำงานร่วมกับ DAC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และ A-TRC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ซึ่งระบบนี้ทำงานแทนที่ระบบ LSD Limited Slip Differential โดยใช้เซนเซอร์ของระบบ ABS ตรวจจับการหมุนฟรีของล้อ ถ้ามีล้อใดล้อหนึ่งหมุนฟรี ระบบจะสั่งให้ ABS Actuator ส่งแรงเบรคไปยังล้อที่กำลังหมุนฟรีเพื่อลดกำลังลง และส่งแรงขับเคลื่อนไปยังล้ออีกฝั่งหนึ่งที่ยังสัมผัสกับพื้นผิวในทันที ช่วยให้การข้ามผ่านเส้นทางทุรกันดารทำได้ไม่ยาก เราปิดท้ายทริปนี้กันด้วยการขับขึ้นไปบนเขาวัดดีสลัก กราบนมัสกาลสิ่งศักดิ์ ทั้งยังได้ชื่นชมจ้าวไก่แจ้ และนกยูงที่เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ
บทสรุปของ TOYOTA FORTUNER LEGENDER ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ล่าสุดซึ่งต้องเผชิญกับบรรดารถอเนกประสงค์คู่ปรับทั้ง PPV รวมถึง SUV ที่มีการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถชาวไทยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลาวาศอก คุณคงต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเองว่า ทำไม โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ถึงเก่งกล้าสามารถยืนหนึ่งอยู่ในตลาด PPV ได้อย่างหนักแน่นและต่อเนื่อง เข้าทำนอง การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การเป็นตำนานยากยิ่งกว่า!

TOYOTA FORTUNER LEGENDER มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย
- รุ่น 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,839,000 บาท
- รุ่น 2.8 Legender เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,769,000 บาท
- รุ่น 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,634,000 บาท
- รุ่น 2.4 Legender เกียร์อัตโนมัติ 1,564,000 บาท
 |